บทความสุขภาพ
“เบาหวาน อันตรายมากกว่าที่คุณคิด!!!

คุณรู้หรือยังว่า? คนที่ป่วยเป็นเบาหวานมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบ อุดตันเฉียบพลัน มากกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวานหลายเท่า!!! เพราะผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมักจะมีความดันโลหิตสูงกว่าคนที่ไม่เป็นเบาหวาน
ซึ่งในทางกลับกันผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็มีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานมากกว่าคนที่มีความความดันโลหิตปกติ เนื่องจากทั้งโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากและความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดราวกับเป็นโรคฝาแฝด เมื่อเป็นโรคหนึ่งแล้วมักเป็นอีกโรคตามมา
ทั้งโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานจัดเป็นโรคเรื้อรังที่ “รักษาได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่หายขาด” ผู้ป่วยควรจะได้รับการรักษาและติดตามไปตลอดชีวิต เนื่องจากความรุนแรงของโรคอาจจะไม่คงที่ ทำให้แพทย์อาจต้องปรับเปลี่ยนการรักษาเป็นระยะให้เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยในแต่ละช่วงเวลา
ทั้งภาวะความดันโลหิตสูงและระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง และทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้ สัญญาณบ่งบอกว่าเส้นเลือดในสมองเริ่มตีบตัน อาการเริ่มต้นที่พบบ่อย ในผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ คือ
- เริ่มมีอาการตาพร่ามัวมองเห็นภาพซ้อน
- มีอาการชาครึ่งซีกของร่างกายข้างใดข้างหนึ่งมีอาการอ่อนแรงและหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว หรือมีอาการแขนขาอ่อนแรงร่วมด้วย
- พูดจาลำบาก หรือฟังไม่เข้าใจ
- เวียนศีรษะ การทรงตัวไม่ดี เดินเซ
- กลืนลำบาก ปวดศีรษะ (บางครั้งจะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง)
ซึ่งอาการเหล่านี้ ผู้ป่วยอาจจะแสดงอาการออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีอาการหลายอย่างพร้อมกันเลยก็ได้! ส่วนใหญ่ โรคหลอดเลือดสมองตีบตัน หรือมีลิ่มเลือดไปอุดตัน มักเกิดในกลุ่มวัยกลางคนขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กำลังสร้างตัวสร้างฐานะเพราะมีภาวการณ์สะสมความเครียดในร่างกายสูงสัญญาณบ่งบอกว่า เส้นเลือดในสมองอาจจะแตก
อาการของเส้นเลือดในสมองแตกจากภาวะความดันเลือดสูงมักพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง แต่บางรายอาจไม่มีก็ได้ คลื่นไส้ อาเจียน อาจหมดสติ แขนขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง พูดไม่ชัด อาการและอาการแสดงจะขึ้นกับขนาดของก้อนเลือด และอาการจะเป็นขึ้นอย่างรวดเร็ว เฉียบพลัน
ผู้ป่วยบางรายอาจมีเส้นเลือดแตกก่อนแล้วล้มลงทำให้เข้าใจผิดว่า เป็นภาวะเลือดออกจากศีรษะเพราะศีรษะกระแทกพื้น แพทย์ธรรมชาติบำบัด ได้แนะนำให้กลับไปรักษาที่ ”ต้นเหตุ” ไปที่เบาหวาน การควบคุมความดันโลหิต โดยเฉพาะการทำงานของตับและไต ก่อนอื่น
เพราะทางแพทย์ธรรมชาติบำบัดเชื่อว่าเมื่อสองอวัยวะนี้มีปัญหาก็จะทำให้เกิดอาการเบาหวานหรือน้ำตาลในเลือดไม่คงตัว เมื่อมีการบำรุงตับ ไต และปอดอยู่อย่างสม่ำเสมอก็จะลดความเสี่ยงและมีส่วนช่วยในโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี
โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและชีวิต และให้เสริมด้วยการรับประทานน้ำมันงาดำ เพื่อควบคุมน้ำตาลในเลือด เพราะจะทำให้การย่อยและดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ระบบช้าลง และทำให้การหลั่งสารอินซูลินเข้าสู่เลือดเป็นไปอย่างปกติโดยไม่กระทบต่อสมดุลของระบบ เพราะแมกนีเซียมและสารเซซามินในน้ำมันงาดำช่วยในการควบคุมระบบย่อยและการหลั่งของฮอร์โมน โดยเฉพาะอินซูลิน
และยังมีสารโครเมียม ฟอสฟอรัส โปรแทสเซียม และแคลเซียมสูง สารเหล่านี้มีผลในการส่งเสริมการทำงานของตับอ่อนและควบคุมน้ำตาลได้อย่างดี อีกทั้งสารเซซามอล วิตามินอี ที่สูงมากและ HDL หรือไขมันตัวดีในน้ำมันงาดำจะช่วย ช่วยล้างหลอดเลือดให้สะอาด ลดการอุดตันในเส้นเลือด เพื่อการยืดหยุ่นของเส้นเลือด ลดการอุดตันของเส้นเลือดและหัวใจ
การรับประทานน้ำมันงาดำสกัดเย็น วันละ 2000 มก.จะช่วยควบคุมน้ำตาลและความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี
"ความมหัศจรรย์จากธรรมชาติบริสุทธิ์น้ำมันงาดำ น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว"
สั่งซื้อสินค้าได้ที่
02-995-8101-2, 082-362-9933, 085-092-2992, 099-256-5636




สายด่วน โทรเลย!!!